มีต่อ... แต่วันรุ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในวันแต่งงาน+ค่าสถานที่+ค่าดอกไม้+ค่าต่างๆจิปาถะ คิดเป็นยอดจำนวนเงิน 100,000 บาท ผมเห็นตัวเลขแทบ Shock ผมก็เลยไปบอกเถ้าแก่ที่อู่ ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ท่านสำรองจ่ายให้ไปก่อน พอเสร็จงานแต่งกลับมาบ้าน Town House แฟนก็ย้ายเข้ามาอยู่กับผมและแม่ผมพร้อมหน้าพร้อมตากัน เราทั้งคู่มีความสุขมากครับ แต่ผมก็ปรึกษากับแฟนว่า เราทั้งคู่ต้องหาเงินไปใช้หนี้สินให้เถ้าแก่นะ เพราะท่านช่วยเหลือและมีบุญคุณกับผม มิเช่นนั้นเราคงไม่ได้แต่งงานกัน ผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ผมกับแฟน ก็เข้าไปพบเถ้าแก่ที่อู่ที่ผมทำงานอยู่ เพื่อมาพูดคุยเรื่องเงิน+ทองและค่าใช้จ่ายในวันแต่งงาน ซึ่งเถ้าแก่ท่านก็คำนวณเงินให้เราทั้งคู่ดูว่าจ่ายไปเท่าไหร่ มีทองคำหนัก 8 บาท ราคา 160,000 บาท ค่าใช้จ่ายในวันงานที่ออกให้ก่อนอีก 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 260,000 บาท แล้วเถ้าแก่ก็พูดว่าทยอยผ่อนก็ได้
แล้วถามเราทั้งสองคนมีเงินเดือนคนละเท่าไหร่ และสามารถผ่อนได้เดือนละเท่าไหร่ ผมเองทำงานกับเถ้าแก่ที่อู่ ตอนนี้เงินเดือนรายได้ประมาณ 16,000 บาท ซึ่งผมบอกกับเถ้าแกว่ามีค่าใช้จ่ายในบ้านเดือนละ 10,000 บาทที่ต้องให้แม่ เพราะแม่ผมเป็นแค่แม่บ้านไม่มีรายได้อะไรและก็มีหลานชายจากต่างจังหวัดมาอยู่ด้วย 1 คน ส่วนแฟนทำงานบัญชีที่โรงงานรายได้เดือนละ 18,950 บาท ซึ่งแฟนก็มีภาระที่ต้องส่งเงินให้ที่บ้านเหมือนกันเดือนละ 9,000 บาทให้พ่อกับแม่และน้องๆ ๒ คนที่กำลังเรียนอยู่ จากนั้นเถ้าแก่ถามผมว่าสามารถผ่อนได้เดือนละเท่าไหร่ ผมกับแฟนมองหน้ากัน แล้วพูดออกมาพร้อมกันว่า ขอทยอยจ่ายเดือนละ ๒, ๐๐๐ บาทได้ไหมครับ เถ้าแก่พูดกลับมาว่าตกลงตามนั้น ซึ่งช่วงเดือน ก.พ. , มี.ค. , เม.ย. ผมก็ทยอยจ่ายให้เถ้าแก่ผมมา 3 เดือนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่อยากเป็นหนี้ บอกตรงๆ ว่าเครียดเหมือนกัน ผมก็เลยโทรมาดูดวงกับ อ.อู๋ อีกครั้ง พร้อมกับเล่าเรื่องหนี้สินและระบายความในใจให้แกฟัง อาจารย์ อู๋ สมการ แกบอกใจเย็นๆ เมื่อคุณแต่งงานตามฤกษ์ที่คำนวณให้ไปแล้วอีกทั้งได้ปรับฮวงจุ้ยไปด้วย ในไม่ช้าคุณก็จะมีโชคก้อนโตแบบไม่คาดฝันเข้ามาเองแหละ จนเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561 เป็นวันหยุดเพราะเป็นวันแรงงาน ผมกับแฟนอยู่บ้าน ส่วนแม่ผมท่านทำความสะอาดบ้าน แล้วไปเจอสมบัติเก่าของพ่อผมทิ้งไว้ให้ผมเป็นพระเครื่อง หลวงปู่ทวด รุ่น 2497 ใส่กรอบเลี่ยมทองพร้อมสร้อยคอทองคำ แม่เอามาให้ผมและบอกกับผมว่า ถ้าลูกจะเอาไปปล่อยให้คนอื่นเขาบูชาแม่ก็ไม่ว่าอะไร และคิดว่าพ่อที่ตายจากไปคงเข้าใจ บอกตามตรงผมไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่อง ไม่รู้ว่าหลวงปู่ทวด รุ่น 2497 ที่อยู่ในมือ เป็นของจริงของแท้หรือไม่ ? ไม่รู้ราคาที่เซียนพระเขาบูชากันเท่าไหร่กันแน่ พอวันรุ่งขึ้นผมแขวนหลวงปู่ทวด ไปทำงานที่อู่ตามปกติ มีลูกค้าท่านหนึ่งเอารถมาซ่อมที่อู่ เห็นผมแขวนหลวงปู่ทวด ถามผมว่าน้องพี่ขอดูหลวงปู่ทวดที่คอได้ไหม พอดูเสร็จถามผมว่าปล่อยให้เช่าบูชาไหม ตอนนั้นผมหลุดปากออกไปโดยไม่คิดอะไร ปล่อยครับพี่ แล้วพี่จะให้ราคาหลวงปู่ทวดผมเท่าไหร่ ลูกค้าท่านนั้นพูดกับผมว่า 800,000 บาทได้ไหม ตอนที่ผมได้ยินผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยครับ คิดในใจว่ามีของดี+ของจริง+ของแท้อยู่กับตัวแล้ว ก็เลยกล้าพูดและสวนกลับไปว่าน้อยไปครับ ถ้าพี่จะบูชาในราคา 1,000,000 บาท ผมถึงจะยอมปล่อย ไม่น่าเชื่อครับว่าลูกค้าที่มาซ่อมรถที่อู่ท่านนี้จะตกลง และบอกผมว่าวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ จะนำเงินสด 1,000,000 บาทมาให้พร้อมนัดเจอผมที่บ้าน จากนั้นก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ พอเลิกงานผมก็กลับมาบ้านมาเล่าให้แม่กับแฟนฟังทุกคนบอกว่าจริงหรือ? ผมเองก็หวั่นใจแต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้เป็นจริงอยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆ และวันอาทิตย์ที่ตกลงนัดเจอกันก็มาถึง แล้วลูกค้าที่เอารถมาซ่อมที่อู่เขาชื่อพี่ยศก็โทรมาหาผมจริงๆ ผมก็บอกเส้นทางมาบ้านของผม พอพี่ยศเขามาถึงเขาหอบเงินสดมา 1,000,000 บาทมาด้วย ผมกับแม่กับแฟนตาโตเลยครับ อยากจะบอกว่าตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเงินสดเป็นตั้งๆ ครั้งแรกในชีวิตก็คราวนี้ แล้วผมก็มอบพระหลวงปู่ทวด รุ่น 2497 ให้กับพี่ยศไปตามที่ตกลงกันไว้ ผมมีความสุขแบบบอกไม่ถูก สิ่งที่ผมคิดในใจอันดับแรก คือมีเงินใช้หนี้เถ้าแก่ที่อู่แล้ว และยังมีเงินเหลือที่จะทำให้ความฝันที่อยากจะมีกิจการเป็นของตนเองมีสิทธิ์เป็นจริงกับเขาสักที จึงทำให้นึกถึงคำพูดที่ อ.อู๋ แกทายทักเอาไว้ว่าจะมีโชคก้อนโตอย่างไม่คาดฝันไม่คิดว่าจะเป็นจริง และยังมีอีกหลายอย่างที่ อ.อู๋ แกทายผมกับแฟนเอาไว้ ผมก็กำลังรอพิสูจน์ต่อไป ซึ่งส่วนตัวผมก็เชื่อเรื่องดวงและโชคชะตาเช่นกัน ส่วนคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ เพราะนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟังครับ...
นายวุฒิชัย เมืองก้องหล้า