สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

10ข้อควรรู้เกี่ยวกับช่างภาพวันงาน

(อ่าน 2346/ ตอบ 0)

FH ON

  1. ช่างภาพนั้นสำคัญไฉน

คู่บ่าวสาวหลายคู่นั้น จัดเต็ม ลงทุนอลังการล้านแปดกับทุกอย่าง แต่กลับลืมให้ความสำคัญกับช่างภาพ ทั้งๆที่ช่างภาพ เป็นกลุ่มคนที่จะสามารถ เก็บบันทึก ถ่ายทอด ทุกสิ่งทุกอย่างที่คู่บ่าวสาวได้ลงทุนลงแรงไปให้สามารถอยู่กับคุณได้ตลอดค่ะ บางคนคิดว่างานแต่งงาน ของตัวเองนั้น ไม่สวย บ้านๆ ไม่ได้ตกแต่งอะไร ไม่ต้องจ้างช่างภาพเก่งๆก็ได้ ยังไงก็เหมือนกัน แต่ที่จริงแล้ว ช่างภาพแต่งงานมืออาชีพที่ เก่งๆ นั้น สามารถ ถ่ายงาน บ้านๆ ให้ออกมาสวยงาม และน่าจดจำได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะคะ  อีกอย่าง ในงานแต่งงาน งานหนึ่งนั้นตัวคู่บ่าวสาวเองไม่สามารถเห็นได้ครบทุกเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองหรอกค่ะ คนที่จะสามารถไปรวบรวมภาพความทรงจำเหล่านั้นมาให้คุณได้ก็เห็นจะเป็นช่างภาพนี่แหละค่ะ เห็นความสำคัญของช่างภาพกันไปแล้ว หากตัดสินใจว่า เอาล่ะ!! ในงานแต่งงานของฉัน ฉันจะจ้างช่างภาพมาเก็บภาพให้ ลองไปอ่านหัวข้อต่อๆไปกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรบ้างที่คู่บ่าวสาวควรจะคำนึงถึงหากคิดจะจ้างช่างภาพ ในงานแต่งงานของคุณค่ะ

2.  ทำไมต้องช่างภาพ 2 คน

โดยมากแล้วบ่าวสาวคิดว่า จำนวนของช่างภาพ น่าจะขึ้นอยู่กับจำนวนของแขกที่เราเชิญมา แต่ความเข้าใจนี้จริงๆ ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว  เรื่องของจำนวนแขกนั้นจะมีผลต่อจำนวนช่างภาพ ก็เฉพาะกรณีที่แขกมากกว่า 300 คนไปแล้วค่ะ บ่าวสาวบางคู่อาจจะคิดว่า แขกน้อย เราจัดงานง่ายๆที่บ้าน งานเล็กๆ แขกแค่ 50-60 คน  จ้างช่างภาพคนเดียวก็คงจะพอ แต่หารู้ไม่ว่า ที่จริงแล้ว ช่างภาพ 2 คนที่เรากำลังแนะนำให้จ้างนั้น  จะมีหน้าที่ต่างกันไปค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าภาพที่ได้จากแต่ละตำแหน่งก็จะแตกต่างกันค่ะ   หากบ่าวสาวไม่ได้มีปัญหาเรื่องงบประมาณมากนัก ก็อยากจะแนะนำให้คู่บ่าวสาวนั้นจ้างช่างภาพ 2 คนเป็นอย่างน้อยค่ะ นอกจากนั้นช่างภาพแคนดิด ยังสามารถย้ายไปเก็บภาพบรรยากาศความปิติยินดีของแขกที่มาร่วมงานได้อีกด้วยค่ะ เพราะช่างภาพพิธีการจะยังอยู่ที่เดิมเพื่อเก็บภาพมุมหน้าตรงได้ครบถ้วนไม่มีทางตกหล่นแน่นอนค่ะ ภาพแคนดิดที่ลูกค้าได้เห็นจะน้อยลงไปมากหากมีแค่ช่างภาพคนเดียวค่ะเพราะเค้าต้องถ่ายภาพในมุมที่เห็นตรงๆครบๆ นี้เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียวที่นำมาเป็นตัวอย่างสำหรับเหตุผลในการแนะนำให้จ้าง ช่างภาพ 2 คนค่ะ จริงๆแล้วแม้ทางคู่บ่าวสาวอาจจะดูว่างานไม่มีอะไรเลยเล็กๆภายในบ้าน แต่ก็ทำให้พื้นที่ทำงานของช่างภาพลดลง ตัวแปรต่างๆที่เกิดขึ้นควบคุมได้ยากขึ้นกว่างานที่จัดในสถานที่กว้างๆมากค่ะ ช่างภาพคนเดียวจะขยับตัวเปลี่ยนตำแหน่งก็ยิ่งยากขึ้นค่ะ ภาพโดยรวมออกมาก็จะได้มุมที่ค่อนข้างฟิกซ์ไม่หลากหลาย หรืออาจผิดพลาดในบางมุมเนื่องจากพื้นที่และตัวแปรต่างๆเป็นข้อจำกัดค่ะ เพราะไม่มีคนช่วยเสริมในมุมที่ขาดนั่นเอง

แต่ก็ต้องยืนยันนะคะ ว่าการเลือกช่างภาพคนเดียวไม่ใช่ เรื่องผิดอะไรค่ะ เพียงแต่อยากเสนอเรื่องนี้ไว้เพื่อเป็นตัวเลือกนึงของคู่บ่าวสาว ก่อนการตัดสินใจค่ะ

3. หน้าที่ของช่างภาพงานแต่ง แต่ละตำแหน่งต่างกันอย่างไร?

จากข้อแรกที่เราเกริ่นกันไปว่า ช่างภาพแต่ละตำแหน่งนั้น ถ่ายภาพออกมาในคนละรูปแบบกัน เรามาทำความเข้าใจเพิ่มกันค่ะว่า ความต่างที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ ต่างกันอย่างไร 

     > ช่างภาพหลัก หรือช่างภาพพิธีการ จะทำหน้าที่ในการ ถ่ายมุมหน้าตรงๆ ครบๆเห็นชัดๆ ซึ่งลักษณะนี้มักจะเป็นที่ต้องการของคุณพ่อคุณแม่ และแขกผู้ใหญ่ค่ะ เห็นชัดเห็นครบว่าใครมาบ้างใครทำหน้าที่อะไร

ช่างภาพหลักนี้โดยทั่วไป  ใช้งานละ 1 คนก็น่าจะเพียงพอค่ะ ยกเว้นกรณีแขกเยอะมากๆ หลัก1,000 คนอาจจะต้องมีสำรองเปลี่ยนหน้าที่กันบ้าง  อาจจะเห็นว่าก็มุมง่ายๆ ใครถ่ายก็ได้ แต่บอกได้เลยค่ะ ว่าช่างภาพที่จะมารับหน้าที่นี้ ก็ต้องมีความสามารถ ที่จะบริหารจัดการเวลากับจำนวนแขก รวมไปถึง สร้างเสียงหัวเราะให้กับแขกที่มาในงานเพื่อให้บรรยากาศในงานสนุกสนานเฮฮาและน่าจดจำ ไปพร้อมๆกันด้วยค่ะ 

      > ช่างภาพแคนดิด (Candid) จะทำหน้าที่ในการ เก็บมุมทีเผลอ มุมอลังการ มุมเก๋ๆ ให้กับคู่บ่าวสาวค่ะ  ซึ่งโดยมากแล้วคู่บ่าวสาวและเพื่อนๆ ก็มักจะชื่นชอบชื่นชม ถูกอกถูกใจกับมุมสวยๆเหล่านี้แหละค่ะ ช่างภาพแคนดิดที่ดีจะต้องสามารถเก็บบรรยากาศเก็บอารมณ์ของบ่าวสาวในทุกๆ moment ให้ออกมาอยู่ในรูปแบบของภาพความทรงจำไว้ให้ครบถ้วนและ น่าจดจำที่สุดค่ะ ซึ่งจำนวนของช่างภาพแคนดิดนี่แหละค่ะ ที่จะขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดงานและ จำนวนแขกค่ะ ตัวอย่างเช่นแขก งานเช้า 50-60 คน หรืองานเย็นที่เป็นโต๊ะจีนแขก 300คน หรือcocktail แขก 250 - 300 ใช้  ช่างภาพ หลัก 1 คน ช่างภาพ candid 1 คน ก็ถือว่าเพียงพอค่ะ ส่วนถ้าเป็นงานที่มีจำนวนแขก มากกว่า 300 แต่ไม่เกิน 500  อยากแนะนำให้ใช้ช่างภาพ ซัก 3 คน โดยแบ่งเป็น ช่างภาพหลัก 1 คน ช่างภาพ Candid 2 คนค่ะ  และหากแขกมากกว่านั้นไปอีกก็ให้เพิ่มจำนวนช่างภาพ ตามความเหมาะสมค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้ถือเป็นกฎตายตัวนะคะ ไม่ได้มีตำราไหนเขียนไว้ เพียงแต่อยากจะยกตัวอย่างไว้ให้คู่บ่าวสาวอาจะใช้เป็น Guideline  จะได้เห็นภาพได้มากขึ้นค่ะ

4. ไม่อยากเสียเงินจ้างช่างภาพงานแต่ง  จะให้เพื่อนที่มีกล้องมาถ่ายรูปให้แทนได้มั้ย?

จริงๆแล้ว ได้ค่ะ อยู่ที่ความสบายใจของบ่าวสาวเป็นหลักเลยค่ะ งานของเราทำสิ่งที่เราสบายใจค่ะ แต่อยากจะขออธิบายลักษณะการทำงาน ของ ช่างภาพแต่งงานมืออาชีพ ไว้ในหัวข้อนี้เพื่อให้เห็นภาพกันมากขึ้น ไว้เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจดีมั้ยคะ  จริงๆต้องบอกก่อนว่าช่างภาพ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่กดชัตเตอร์ค่ะ เพราะฉะนั้นในสายงานต่างกันก็ใช้ Skill ทักษะที่แตกต่างกันออกไปค่ะ การเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญในงานนั้นๆมาเก็บภาพให้ ย่อมทำให้คู่บ่าวสาวได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอนค่ะ

เริ่มกันที่อย่างแรกค่ะ ช่างภาพแต่งงานมืออาชีพจะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ความเข้าใจในพิธีการ ต่างๆในงานแต่งงานเป็นอย่างดี เขาจะทราบว่าต่อจากนาทีนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างแล้วเขาควรจะไปยืนรอตรงจุดไหนเพื่อเก็บภาพ จนในหลายๆครั้งช่างภาพกลายเป็นคนนำพิธีการ คอยบอกคู่บ่าวสาวว่า ต้องทำอะไรอย่างไรต่อบ้าง แหมก็จะไม่ทราบได้ยังไงคะ ปีๆนึงเจองานแต่งงานกัน หลักร้อย  ถึงหลายร้อยงานเลยนี่คะ

ด้วยความที่รู้ลำดับพิธีการเป็นอย่างดี ช่างภาพงานแต่งงานมืออาชีพก็จะสามารถเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ มาได้อย่างครบถ้วนด้วยค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นไฟสำหรับส่องสว่างหน้างาน หรือแม้กระทั่ง ผู้ช่วยช่างภาพที่จะคอยถือไฟ เดินตามคู่บ่าวสาวเพื่อ ให้ความสว่างขณะที่คู่บ่าวสาวกำลังอยู่ในพิธีการที่ ลำพังไฟ Follow หรือไฟที่เพดานห้องไม่สามารถให้ความสว่างได้เพียงพอ เช่น ขณะเดินไปมอบเค้กให้ผู้ใหญ่ เป็นต้นค่ะ

ช่างภาพมืออาชีพ ชื่อก็บอกแล้วค่ะว่า มืออาชีพ เพราะฉะนั้นเราจะมั่นใจได้ในคุณภาพของการทำงาน และการบริการ ว่าเขาจะสามารถ เก็บภาพช่วงเวลาสำคัญของคุณได้อย่างมืออาชีพค่ะ อีกทั้งในแง่ของอุปกรณ์ที่จะต้องมีชิ้นสำรอง หากได้มีโอกาสไปตามงานแต่งงานเราจะเห็นว่า ช่างภาพมืออาชีพเหล่านี้จะสะพายกล้องกันคนละ 2 ตัว หรือบางคนอาจมากกว่านั้น เนื่องจากว่า มันช่วยให้สะดวกคล่องตัวมากขึ้น และยังเป็นอุปกรณ์สำรองเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น กล้องตกหล่น พังไป ก็ยังมีกล้องอีกตัวที่จะสามารถเก็บภาพได้ เป็นต้นค่ะ

5. บรรดา สารพัดไฟ ต่างกันอย่างไร จำเป็นแค่ไหน? 

จากหัวข้อที่แล้วเราได้กล่าวถึงไฟส่องสว่างหน้างานกันไว้ค่ะก็จะขออธิบายให้เข้าใจเพิ่มอีกนิดนึงค่ะ

ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อนว่า ไม่มีอะไร ถูกระบุว่าต้องมี ห้ามขาดเลยนะ  ทั้งหมดขึ้นกับความพึงพอใจของคู่บ่าวสาวค่ะ เพราะแท้จริงแล้วความสวยงามของงานแต่งงานทุกๆงาน เกิดจากความรักที่บ่าวสาวมีให้กันค่ะ  ไฟส่องสว่างหน้างาน นั้น ช่วยให้ ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะทั้งช่างภาพเอง หรือเพื่อนๆที่ถ่ายภาพจากมือถือกับซุ้มตกแต่งที่คู่บ่าวสาวจัดเตรียมไว้ก็จะสามารถถ่ายภาพได้สวยงามค่ะ ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ช่างภาพแต่งงาน มืออาชีพ ควรมีให้กับบ่าวสาวค่ะ ตัวอย่างของไฟส่องสว่างหน้างานตามภาพค่ะ ส่วนFollow light จะเป็นไฟที่อยู่ในบริเวณห้องจัดงานค่ะสามารถ ขยับเลื่อนตามบ่าวสาวได้ประมาณนึงค่ะ ซึ่งไฟ Follow นี้จะอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของช่างภาพนะคะ ยกเว้นกรณีจ้างเพิ่มมาโดยติดต่อผ่านทางช่างภาพ แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายค่ะ คู่บ่าวสาวลองสอบถามกับทางสถานที่หรือ Planner หรือ Organizer ดูนะคะ เพราะบางครั้งจะมีอยู่แล้วใน Package แต่บางทีก็อาจจะต้องจ้างเพิ่มมาหากต้องการนะคะ

ไฟที่ผู้ช่วยช่างภาพ ถือเดินตาม ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์การทำงานของช่างภาพแต่ละทีมค่ะ บางทีม ก็มีบางทีมก็ไม่จำเป็นต้องมีค่ะ  ไม่ได้ถือเป็นสิ่งผูกขาดว่า ไม่มีไม่ได้นะ และก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่า ภาพจะสวยหรือไม่ค่ะ  คู่บ่าวสาวลองขอคำแนะนำจากช่างภาพ ที่เราชอบสไตล์ดูค่ะ ว่าเขามีให้หรือไม่ต้องใช้มั้ยอย่างไร เชื่อใจช่างภาพที่เราได้ดูผลงานแล้วชอบเถอะค่ะ เขาจะรู้ดีที่สุดว่าภาพสไตล์ของเขา จะถูกถ่ายทอดออกมาโดยวิธีใดถึงจะออกมาได้สวยงามที่สุดค่ะ

6. ช่างภาพแต่ละทีมมีสไตล์เป็นของตัวเอง

ช่างภาพงานแต่งงาน มืออาชีพทุกคน มีมุมมอง สไตล์ของการถ่ายภาพ ในแบบฉบับของตัวเองค่ะ เพราะฉะนั้น คู่บ่าวสาวบางคู่อาจจะเจอเหตุการณ์ที่ เราส่ง Reference รูปภาพของช่างภาพเจ้านึงที่เราชอบ แต่ไม่สามารถใช้บริการเขาได้อาจจะด้วยเหตุที่ว่าจองช้าไปคิวเต็ม หรือราคาไม่เหมาะกับงบประมาณของเรา ไปให้ช่างภาพอีกเจ้านึงที่เราจ้าง พร้อมกับบอกว่า ถ่ายให้เหมือนเจ้าแรกได้มั้ย แล้วได้รับการปฏิเสธมา ซึ่งแท้จริงแล้วแม้เราจะสามารถเลียนแบบกันได้ แต่ไม่มีทางเหมือนต้นฉบับ 100% แน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าหากชอบสไตล์ไหน ก็ให้เลือกใช้บริการเจ้านั้น หรือหาเจ้าที่สไตล์ใกล้เคียงกันจะดีที่สุดค่ะ  และอย่าลืมศึกษารายละเอียด ของการจองคิว การทำงาน และการส่งงาน ให้เข้าใจตรงกันด้วยนะคะ ว่าส่งไฟล์แบบ ไหน เมื่อไหร่อย่างไร รวมถึงกรณี ยกเลิกงาน หรือเลื่อนงาน มีข้อกำหนดเรื่องเงินมัดจำ อย่างไร  ทีมงานจะมาถึงงานกี่โมง จบงานที่กี่โมง  เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน และไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังค่ะ

7. ทำไมต้องรีบจองคิวช่างภาพ?

เพราะว่าช่างภาพ คือคนกลุ่มเดียวที่จะอยู่กับคู่บ่าวสาวตั้งแต่ก่อนเริ่มงานจนถึงจบงานค่ะ เพราะฉะนั้น ช่างภาพ 1 ทีม จะสามารถรับงานได้ ครั้งละ 1 งานเท่านั้น  เช่น คุณชอบช่างภาพคนนี้ อยากให้มาถ่ายงานแต่งงานของคุณ เมื่อช่างภาพรับงานคุณแล้ว ก็ไม่สามารถแยกรางไปรับงานคนอื่นได้อีกแน่นอนค่ะ จะต่างกับทีมงานที่ทำหน้าที่อื่น เช่น อุปกรณ์ตกแต่ง ที่สามารถมา Set up ก่อนเริ่มงานล่วงหน้าได้ เสร็จแล้วก็ไป set ที่อื่นแล้วค่อยกลับมาเก็บอุปกรณ์หลังงานจบแล้วทีหลัง เพราะฉะนั้นหากเจอช่างภาพที่ถูกใจแล้ว อย่ารีรอค่ะ ให้รีบจองคิว ให้เป็นกิจจะลักษณะไปเลยค่ะ ถามกับทางช่างภาพที่คู่บ่าวสาวตัดสินใจเลือกเลยว่า หากต้องการจองคิวงานจะต้องทำอย่างไรบ้าง แต่ละเจ้าก็จะมีรายละเอียดต่างกันไปค่ะ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว การพูดคุยถามคิวงานโดยไม่มีการโอนมัดจำนั้นไม่ถือว่าเป็นการจองคิวงานแต่อย่างใดค่ะ  โดยเฉพาะวันฤกษ์ดี ที่นิยมแต่งงานกันช่างภาพ เก่งๆ จะถูกจับจองตัวเร็วมากค่ะ เรียกว่าจองกันข้ามปีกันเลยทีเดียวค่ะ 

8. แจ้งความต้องการของคุณกับช่างภาพให้ละเอียด

หากมีอะไรที่คุณซีเรียสว่าจะต้องห้ามพลาดในการเก็บภาพ ให้แจ้งย้ำกับช่างภาพอีกครั้ง เพื่อให้คู่บ่าวสาวสามารถมั่นใจได้ว่า ทุกช่วงเวลาสำคัญของคุณ จะถูกเก็บบันทึกไว้เป้นภาพถ่ายได้อย่างสวยงสม เช่น  ของตั้งโชว์ชิ้นนี้คุณตั้งใจทำมันด้วยตัวเอง  การแทรกหรือสลับพิธีการ ที่แตกต่างจากพิธีการปกติทั่วไป หรือแม้กระทั่งการวางแผนเซอร์ไพรส์ต่างๆ อย่าเซอร์ไพรส์ ช่างภาพ เพราะแม้ว่าช่างภาพแต่งงานมืออาชีพจะทราบขั้นตอนพิธีการเป็นอย่างดี แต่บางอย่างที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายแบบนี้ ช่างภาพก็มีความจำเป็นที่จะต้องทราบว่า เซอร์ไพรส์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จากฝั่งไหนของห้อง เพื่อที่จะได้วางแผนจัดการวางทีมงานได้ถูกที่ถูกจุด 

9. ให้ความร่วมมือ เชื่อใจ และไว้ใจในช่างภาพของคุณ

ในปีๆนึง ช่างภาพแต่งงานมืออาชีพ  แต่ละทีมทำงานกับงานแต่งงานมานับร้อยๆงาน เพราะฉะนั้นเขาจะทราบดีว่า อะไรแบบไหนสวย เวลาอยู่ในช่วงพิธีการแล้วคุณตื่นเต้นไม่รู้ว่าต้องทำอะไรอย่างไรต่อ อย่ามองข้ามช่างภาพค่ะ ลองเอ่ยปากถามดูว่า ควรทำอะไร อย่างไรตรงไหนดี รวมทั้งอย่าลืม ฟังช่างภาพ เวลาที่เขาแนะนำอะไร หรือแม้กระทั่ง เวลาที่เขาเรียกให้คุณยิ้ม มองหน้ากัน หยุดเดินตรงนั้นตรงนี้  เพราะนั่นคือปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้คุณได้ภาพสวยงามขึ้นค่ะ เมื่อเลือกไว้ใจให้เขามาเก็บภาพให้แล้ว เชื่อเถอะค่ะว่า ช่างภาพทุกคน จะพยามทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อถ่ายทอดความทรงจำของคุณผ่านสไตล์รูปภาพของเค้า อย่างดีที่สุดค่ะ 

10. ว่าด้วยเรื่องของ ราคา ค่าบริการ

เรื่องของราคานั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมากทีเดียว ขออธิบายในมุมมองของพวกเราเองแล้วกันนะคะ พวกเราคิดเสมอว่า ช่างภาพงานแต่งงาน ทำงานบน พื้นฐาน คำว่า “ ครั้งเดียวในชีวิต” ของคู่บ่าวสาวทุกคู่ค่ะ เราทำงานบนความตระหนักว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือความทรงจำอันมีค่าที่ไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก หากมันผ่านไปแล้วมันอาจจะไม่ย้อนกลับมาอีก บางทีพ่อตาก้มลงไปกอดลูกเขย ทั้งๆที่ร้อยวันพันปีอาจจะไม่เคยแสดงออกกันแบบนี้ บางครั้ง เจ้าบ่าวที่เข้มแข็งมาตลอด แอบร้องไห้เพราะซึ้งกับคำพูดของเจ้าสาวบนเวทีจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เหตุการณ์เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่น่าจดจำ  ทำให้ ทุกครั้งเวลาที่เราทำงานเราจะต้องใส่ใจในทุกๆรายละเอียด ทุกๆเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่มีคำว่าแก้ตัว ไม่มีคำว่าไว้คราวหน้า เพราะแน่นอนว่าไม่มีเจ้าสาวคนไหนอยากแต่งงานหลายครั้ง บางคนใช้เวลาสะสมเงินเก็บมาเกือบครึ่งชีวิต เพื่อจัดงาน 1 วัน และเลือกไว้ใจให้พวกเราไปเก็บภาพความทรงจำทั้งหมดนั้นให้ จะมีซักกี่ครั้งที่ทุกคนที่รักและหวังดีกับคู่บ่าวสาวจะมารวมตัวแบบพร้อมหน้ากันขนาดนี้  เพราะฉะนั้น เราตั้งเป้าหมายว่า เราจะไม่ทำให้คู่บ่าวสาวผิดหวัง และเราเชื่อว่า ช่างภาพแต่งงานอาชีพ ทุกคน ก็คิดเช่นนั้นค่ะ แต่ละเจ้าอาจจะตั้งราคาตามความเหมาะสม ทั้งในแง่ของประสบการณ์ อุปกรณ์ ซึ่งต้องบอกเลยว่า อุปกรณ์ของช่างภาพแต่งงานอาชีพ หลายคนที่เฉียดหลักล้าน หรือเกินไปกว่านั้นมากค่ะ นอกเหนือจากตัวเลขราคาค่าสึกหรอของอุปกรณ์ ค่าเดินทาง เหล่านี้แล้ว  การที่พวกเราจะต้องฝึกฝีมือ ฝึกมุมมอง ทักษะ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดแล้ว ก็ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งค่ะ  ที่สำคัญที่สุด เรื่องของความทรงจำนั้น ประเมินค่าไม่ได้ค่ะ อย่าเสียน้อย เสียยาก เสียมากเสียง่ายนะคะ หาสิ่งที่เหมาะกับงบประมาณและสไตล์ความรักของคู่คุณค่ะ คำว่าสมเหตุสมผล คือสิ่งที่ควรคำนึงถึงเสมอในการจัดงานแต่งงานนะคะ

เอาล่ะค่ะ เชื่อว่า ว่าที่บ่าวสาว ท่านไหนที่ได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ น่าจะมีความเข้าใจมากขึ้น เกี่ยวกับการจ้างช่างภาพในงานแต่งงาน อย่างไรก็ตาม ย้ำกันอีกครั้งค่ะว่า  ข้อมูลทั้งหมดที่เขียนมานี้ เขียนขึ้นตามความเข้าใจ แนวคิด ประสบการณ์เท่านั้นค่ะ ไม่ได้เป็นการการันตีว่า ช่างภาพท่านอื่นจะมีแนวคิดเดียวกันหรือปฏิบัติเช่นเดียวกัน นะคะ  เราเขียนขึ้นเพื่ออยากจะช่วยอธิบายให้คู่บ่าวสาว เข้าใจในระบบการทำงานของพวกเรามากขึ้นเท่านั้นค่ะ  หวังว่า ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกท่าน จะได้รับข้อมูลเพื่อไปใช้ในการตัดสินใจ ก่อนที่จะจ้างช่างภาพเพื่อไปทำหน้าที่สำคัญในงานแต่งงานของคุณมากขึ้นนะคะ และอย่าลืมเด็ดขาด ว่า ความสวยงามของงานแต่งงานนั้น ไม่ได้อยู่ที่สิ่งนอกกาย แต่มันเกิดมาจากความรักที่คู่บ่าวสาวมีให้กันนะคะ เพราะฉะนั้น เลือกในสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง เหมาะกับงบประมาณ และเมื่อเลือกแล้ว มีความสุขไปกับมันนะคะ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะในวันนั้น คือสิ่งที่น่าจดจำที่สุดค่ะ 


เจ้าของเว็บไซต์ แก้ไขเมื่อ 30/09/2014 - 12:39

Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view