สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ขั้นตอนการขอน้ำสังข์พระราชทาน

(อ่าน 3456/ ตอบ 0)

อรนา

หลายๆ ท่านคงจะเคยได้ยินเหล่าคนดังขอพระราชทานน้ำสังข์เมื่อมีงานแต่งงานเกิดขึ้น และอาจมีคำถามว่า ขั้นตอนการขอพระราชทานน้ำสังข์นั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง เรามีข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ


ประเภทของน้ำสังข์พระราชทาน


    มาทำความรู้จักน้ำสังข์พระราชทานกันก่อนดีกว่า สำหรับน้ำสังข์พระราชทานจะมีอยู่ 2 ประเภท ดังต่อไปนี้


    1.น้ำสังข์พระราชทานแบบเป็นทางการ จะขอได้จาก 4 พระองค์เท่านั้น ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ


    2. น้ำสังข์ข้างที่ หรือน้ำสังข์ส่วนพระองค์  ผู้ที่จะขอรับพระราชทานน้ำสังข์ประเภทนี้ สามารถยื่นเรื่องโดยตรงได้ที่กองงานในพระองค์ที่ท่านต้องการจะขอได้เลย


หลักเกณฑ์การขอน้ำสังข์พระราชทานให้กับบุคคลต่างๆ


    การขอพระราชทานน้ำสังข์ ท่านจะพระราชทานแก่ผู้ที่ทรงคุ้นเคย หรือรู้จักกับบิดามารดาของผู้ขอพระราชทาน ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาสามารถขอพระราชทานให้กับตำรวจ ทหาร หรือพลเรือนได้เช่นกัน นอกเหนือเงื่อนไขเหล่านี้ ท่านจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นกรณีพิเศษแล้วแต่กรณีไป


ขั้นตอนการขอพระราชทานน้ำสังข์


    1.ส่งหนังสือไปยังสำนักราชเลขาธิการเพื่อขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานน้ำสังข์ เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แล้ว ให้คู่สมรสติดต่อสำนักพระราชวัง เพื่อที่จะแจ้งรายชื่อสักขีพยานฝ่ายละ 4 คน รวมถึงชื่อของผู้ปกครองแต่ละฝ่าย อีกฝ่ายละสองคนค่ะ


    2.ทางสำนักพระราชวังจะกำหนดวันซ้อม และจะมีการนัดซ้อมในวันจริงก่อนเข้าเฝ้าอีกครั้งเพื่อกันความผิดพลาดค่ะ ซึ่งสิ่งที่จะต้องเตรียมก็คือพานดอกไม้ธูปเทียน ในส่วนนี้สามารถแจ้งให้สำนักพระราชวังช่วยเตรียมให้ได้เพื่อจะได้ถูกต้องตามประเพณี


การแต่งกายสำหรับเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์


    หากเจ้าบ่าวเป็นข้าราชการต้องแต่งเครื่องแบบเต็มยศ แต่ถ้าเป็นพลเรือนให้ใส่ชุดราชประแตนพร้อมด้วยเครื่องหมายเข้าเฝ้าที่คอเสื้อ ฝ่ายเจ้าสาวให้ใส่ชุดไทยบรมพิมาน สวมรองเท้าหุ้มส้นไม่มีสายระเกะระกะ ด้านสักขีพยานให้สวมชุดไทยจิตรลดาเพื่อความเรียบร้อยในการเข้าเฝ้าฯ


    สิ่งที่นำมาเล่าสู่กันฟังอาจจะไม่ใช่ข้อมูลเชิงลึก แต่ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับบ่าวสาวที่ต้องการขอน้ำสังข์พระราชทานไม่มากก็น้อย



การเลือกชุดให้เหมาะกับพิธี



    ก่อนจะคิดกันจนหัวแตกว่าควรใส่ชุดแบบไหนให้ถามตัวเองว่าลักษณะงานของคุณเป็นอย่างไรเพราะกำหนดการของงานจะเป็นโจทย์หลักในการกำหนดรูปแบบชุด


    • สมรสพระราชทาน เนื่องจากบ่าว–สาวต้องเข้าวังเพื่อรับสมรสพระราชทานบ่าว – สาวจึงต้องแต่งกายตามระเบียบโดยเจ้าสาวใส่ชุดไทยบรมพิมาน (ไม่กำหนดสีหรือชนิดของผ้า) ไม่ผ่าหน้าหรือผ่าหลัง แนะนำให้ช่างเสื้อจับจีบหน้านางประมาณสองจีบซึ่งกว้างพอให้หมอบกราบได้สะดวกส่วนรองเท้าต้องเป็นหุ้มส้นเท่านั้น ถ้าเจ้าบ่าวเป็นข้าราชการให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศถ้าเป็นพลเรือนให้สวมชุดราชปะแตนพร้อมติดเครื่องหมายเข้าเฝ้าที่คอเสื้อ (สามารถเช่าได้ตามร้านชุดรับปริญญา)


    • มีพิธีสงฆ์ ถ้างานของคุณมีพิธีสงฆ์ด้วยก็ยิ่งควรแต่งกายให้เรียบร้อยมิดชิด เช่น ชุดไทยบรมพิมานชุดไทยศิวาลัย (คล้ายชุดไทยบรมพิมานแต่ห่มสไบทับอีกชั้น) หรือชุดไทยประยุกต์ที่ท่อนบนเป็นเสื้อลูกไม้ท่อนล่างเป็นผ้าถุง ไม่แนะนำให้ใส่สไบเปิดไหล่เห็นเนินเนื้อแต่ถ้าอยากใส่จริงๆ ควรเปลี่ยนใช้ในช่วงรดน้ำ


    • ไม่มีพิธีสงฆ์ ถ้าคุณจัดแค่พิธีหมั้นและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ก็เลือกชุดสวยงามได้ตามความชอบ ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเลือกห่มสไบสวยหวาน ส่วนเจ้าสาวที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยมักเลือกชุดไทยบรมพิมานหรือชุดไทยประยุกต์เพราะดูสง่าภูมิฐาน ส่วนเรื่องลุกนั่งสะดวกหรือสวมใส่ง่ายเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะส่วนใหญ่ร้านชุดจะตัดแบบสำเร็จรูปจับจีบสไบและจับหน้านางผ้าถุงไว้อย่างสวยงามแล้ว แค่รูดซิปด้านหน้าทีเดียวก็เข้าทรงสวยมีทั้งแบบเย็บติดกันเป็นชุดเดียวและแบบแยกท่อนบนกับท่อนล่าง เพื่อให้สลับคู่สไบหรือเสื้อกับผ้าถุงได้ (ส่วนที่ตัดแบบโบราณต้องให้ช่างมาจับจีบแล้วเย็บตรึงกับตัวไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักในปัจจุบัน)


เลือกให้เหมาะกับเจ้าสาว


    ได้แต่งชุดไทยกับเขาทั้งทีเชื่อว่าทุกคนคงอยากดูสง่าราวสตรีผู้สูงศักดิ์มากกว่าสวยแบบนางเอกหนังจักรๆ วงศ์ๆ แต่จะทำอย่างไรล่ะ


    • สี สีครีมทองเป็นสียอดฮิตเพราะดูหรูและสง่าแถมเจ้าสาวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่แล้วรอด ถ้าใจคุณชื่นชอบสีสันอย่างชมพูฟ้าส้ม ฯลฯ แต่ดันเป็นสาวไทยแท้ผิวเข้มกลัวว่าใส่แล้วจะตัดกับผิวฉึบฉับหรือเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนตาตี่ผิวขาวซีดที่ใส่สีสดแล้วอาจดูเป็นอาเจ๊ ขอบอกว่าการเลือกสีโทนเบรกลงมาพอจะช่วยได้เช่นเลือกสีชมพูนู้ดๆ หรือสีกะปิแทนสีชมพูสดเลือกสีฟ้าอมเทาแทนสีฟ้าสดเลือกสีจำปาแทนสีส้มแจ๊ด ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกลัวหมองเพราะชุดไทยมักตัดเย็บจากผ้าไหมซึ่งมีความวาวและมีการปักดิ้นทอง ซึ่งจะช่วยขับผิวให้ดูผ่องขึ้น ถ้าจะให้ชัวร์ควรเอาผ้ามาทาบกับตัวเลยว่าเหมาะกับผิวไหม


    • รูปร่าง ส่วนใหญ่เจ้าสาวรูปร่างท้วมมักไม่กล้าใส่สไบ แต่พอเลี่ยงไปใส่ชุดแขนยาวมิดชิดติดกระดุมถึงคอก็กลายเป็นดูอึดอัดทึบตันไปทั้งตัว แนะนำว่าของแบบนี้ต้องมั่นใจเพราะการห่มสไบก็มีทั้งแบบเข้ารูปโชว์ช่วงเอวและแบบผืนใหญ่ห่มปิดหมดทั้งร่าง โดยมากคนท้วมต้องใส่เปิดๆ หน่อยให้เห็นเส้นเอวจะได้ไม่ดูตัน แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพด้วยบางคนท้วมแต่พอห่มสไบมิดชิดกลับดูดีกว่าเพราะมีบุคลิกสง่าราวนางพญา ดังนั้นการลองสวมจริงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าชุดแบบไหนเหมาะกับคุณ


กรณีที่เลือกใส่ชุดไทยแขนยาวคอปิด อย่างชุดไทยบรมพิมานการตัดเย็บให้เอวต่ำกว่าปกติจะช่วยให้ช่วงลำตัวดูโปร่งและสมส่วนขึ้นได้ในระดับหนึ่ง


    • รองเท้า เนื้อคู่ของชุดไทยคือ รองเท้าส้นสูงหัวแหลมที่มีความเป็นเมแทลลิกจะเงินทองหรือพิ้งค์โกลด์ก็ขึ้นอยู่กับสีเครื่องประดับและดิ้นที่ปักบนชุด แต่แนะนำให้เป็นเฉดอ่อนจะดูมีคลาสกว่ากรณีที่หน้าเท้ากว้างใส่หัวแหลมแล้วไม่สวย ลองเลือกแบบที่มีแพลตฟอร์มด้านหน้าจะช่วยพยุงให้น้ำหนักไม่เทไปหน้ามากนักดูดีขึ้นแถมยังเมื่อยน้อยลงด้วย เจ้าสาวบางคนต้องการสวมรองเท้าสีพื้นเรียบๆ เพื่อจะได้เก็บไว้ใส่ในชีวิตประจำวันด้วยก็อาจเลือกสีที่ไปกันได้กับสีของชุดท่อนบนหรือท่อนล่าง


    • เครื่องประดับ ถ้าบ้านไหนมีเครื่องทองของเก่าเก็บก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่มีต้องเช่าเครื่องประดับเทียมมาใส่ก็ควรเลือกที่ฝีมือประณีตและไม่ต้องประโคมเยอะเดี๋ยวจะดูเหมือนไปรำแก้บน แค่เข็มขัดต่างหูและสร้อยคอหรือข้อมืออีกสักชิ้นก็สวยแล้ว


    • ชุดเจ้าบ่าว พอเจ้าสาวเลือกชุดได้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูคนข้างๆ ด้วยส่วนใหญ่เจ้าบ่าวมักจะโนไอ-เดีย ใส่อะไรก็ได้ มีบ้างที่งอแงไม่ยอมใส่ชุดไทยเพราะเขินอาจพบกันครึ่งทางด้วยชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์ ท่อนบนเป็นสูทท่องล่างเป็นโจงกระเบนหรือท่อนบนเป็นเสื้อราชปะแตนท่อนล่างเป็นสแล็คก็ตามสะดวก แต่เพื่อความสวยงาม แนะนำให้เจ้าบ่าวเลือกคู่สีที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวหรือมีสีที่ลิงค์กับชุดเจ้าสาวอยู่ในตัวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะและถ้าคนหนึ่งใส่โทนอ่อนอีกคนควรเป็นโทนเข้มเพื่อความลงตัวเช่นชุดเจ้าสาว สีครีมทอง - ชุดเจ้าบ่าวสีเบจชุดเจ้าสาวสีชมพู–ชุดเจ้าบ่าวสีเทาหรือน้ำตาลช็อกโกแลต เป็นต้น


เมื่อเข้าร้านชุดคุณควร...


    • พกความมั่นใจไปด้วย ทั้งมั่นใจในตัวดีไซเนอร์และมั่นใจในตัวเอง


    • หยิบเรเฟอเรนซ์ไปด้วย ชอบแบบไหนอยากได้อะไรให้เอาติดมือไปเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้


สื่อสารกับดีไซเนอร์ได้ง่ายขึ้น


    • ลองก่อนตัดสินใจ อย่ามึนหรือเกรงใจจนยอมเซ็นซื้อแพ็คเกจก่อนลองเด็ดขาด เพราะเซ็นแล้วก็เหมือนอ้อยเข้าปากช้าง ช้างไม่ยอมคายแน่ๆ ต่อให้คุณต่อว่าช้างแค่ไหนก็ตามและอย่าตาโตกับโปรโมชั่นลดเฉพาะวันนี้ ชั่วโมงนี้ เพราะถ้าเซ็นไปแล้วเกิดร้านนั้นไม่มีชุดที่ชอบเลย จะน้ำตาตกใน


    • ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นไปบ้าง อย่างน้อยควรแยกออกว่าผ้าไหมแท้ต่างจากไหมเทียมอย่างไร ลูกไม้เซาะดอกเป็นอย่างไร ฯลฯ เพราะบางร้านอาจยกความวิจิตรของชุดไทยสารพัดลุคมาอัพราคาถ้าดูเป็นจะได้ไม่โดนย้อมแมว


    • ถ้าคิดจะเช่าชุดต้องทำใจ บางร้านทำเป็นเอวยางยืดเพื่อให้ทุกคนสวมใส่ได้ แต่จะดูไม่เข้ารูป ขณะที่ถ้าเป็นร้านที่มีความประณีตจะเย็บแก้ทรงใหม่เพื่อให้เข้ากับหุ่นลูกค้า นอกจากนี้ชุดที่ผ่านการใช้งานมาหลายครั้ง อาจจะเก่าซีดเป็นขุยดิ้นหลุด ฯลฯ ต้องถามใจตัวเองว่ารับได้ไหมถ้ายอมรับได้ก็จะเซฟงบประมาณไปได้มากกว่าครึ่ง


    • ราคา การตัดชุดใหม่มีข้อดีคือ ได้เลือกสีเลือกเนื้อผ้าเองได้ไซส์พอดีตัวเราเป๊ะและชุดเป็นของเรา (จะเก็บเป็นที่ระลึกหรือเผื่อเป็นมรดกให้ลูกหลานก็ว่ากันไป) แต่ราคาจะสูง โดยเฉพาะถ้าเป็นผ้าไหมแท้ทั้งชุด ส่วนการเช่าตัดจะได้เลือกสีเลือกเนื้อผ้าและได้ไซส์พอดีกับเราเหมือนกัน แต่ชุดจะต้องคืนร้านไปราคาจะต่ำกว่าตัดประมาณ 30 - 50 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ร้านสุดท้ายคือการเช่าราคาก็จะต่ำลงกว่าเช่าตัดอีกประมาณ 20 - 40 เปอร์เซ็นต์แต่ก็จะต้องเลือกของเท่าที่มีในร้านและมีข้อจำกัดดังที่กล่าวมาทั้งนี้ขอหมายเหตุตัวโตๆ ว่าเรตราคาเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละร้านราคานี้เป็นเพียงการประมาณเท่านั้น


ขอบคุณ 


http://www.we-mag.com/Ideas-detail.aspx?id=5260#.VB0yr6PAbEQ


Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view