10 เคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับชุดแต่งงาน
เว็บมาสเตอร์ |
1. อย่าเลือกชุดแต่งงานที่มีขนาดพอดีตัวหรือเข้ารูปจนเกินไป เพราะชุดแต่งงานที่ไม่เข้ารูปเกินไป จะสามารถเก็บให้เข้ากับรูปร่างกับตัวเจ้าสาวได้ภายหลัง หากตัดหรือเลือกซื้อชุดแต่งงานที่พอดีตัวเกินไป เมื่อถึงวันรับชุดจริง ถ้ารูปร่างคุณอ้วนขึ้นเล็กน้อย จะทำให้การสวมใส่ชุดเจ้าสาวเกิดความอึดอัดได้ 2. ควรทำนัดล่วงหน้าในการลองชุดแต่งงาน และเผื่อเวลาสำหรับการลองชุดอย่างน้อย 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง ควรพาเพื่อนที่ไว้ใจได้ และชอบอะไรคล้ายกันไปช่วยให้ความเห็นด้วยหนึ่งคน 3. แจ้งทางร้านหรือดีไซเนอร์ถึงงบประมาณที่มี เพื่อที่ทางร้านจะได้จัดหาชุดแต่งงานมาให้ลงตัวตามงบประมาณ 4. สละเวลาในการพิจารณาเลือกและลองชุดหลาย ๆ ร้าน อย่าเขินอายหรือขี้เกียจ เพราะเห็นว่าชุดที่แขวนให้เห็นดีอยู่แล้ว ชุดบางชุดอาจสวย แต่เมื่ออยู่บนตัวอาจไม่เหมาะเลยก็ได้ การได้ลองชุดจะช่วยให้รู้ว่าชุดนั้นเหมาะกับตัวเองแค่ไหน หรือช่วยพรางจุดด้อยของรูปร่างได้หรือไม่ 5. เมื่อเลือกชุดแต่งงานได้แล้วอย่าลืมลองสวมใส่ชุดแต่งงาน ประมาณ 15 วันก่อนถึงวันงานแต่งงานจริงอีกครั้งว่าที่เจ้าสาวไม่ควรประมาท เพราะถ้าลองชุดแล้วคับหรือหลวมเกินไป ยังพอมีเวลาแก้ไขได้ทัน 6. ในกรณีสั่งตัดชุดใหม่ เมื่อได้แบบชุดที่ต้องการแล้วควรให้เวลากับการวัดตัว โดยสวมชุดชั้นในแบบเต็มตัวซึ่งจะใส่ในวันงานด้วย เพราะรูปร่างจะเปลี่ยนไปตามชุดชั้นในที่สวมใส่ ชุดชั้นในจึงมีผลต่อการวัดตัว ซึ่งหากวัดได้ละเอียดและแม่นยำมากเท่าใด ชุดที่ออกมาก็จะสวมได้พอดีมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ หากเลือกชุดแต่งงานแบบเปลือยหลัง จำเป็นต้องเลือกชุดชั้นในที่เหมาะกับชุดแบบเปลือยหลังเช่นกัน 7. ชุดแต่งงานที่ดีควรแนบสนิทกับรูปร่าง โดยเฉพาะการเลือกซื้อชุดแต่งงานหรือชุดวิวาห์แบบเปลือยหลังในขณะลองชุดควรสังเกตบริเวณขอบเอวด้านหลังว่าเผยออกมาหรือไม่ ถ้าขอบเสื้อด้านหลังเกิดมีการเผยอออกมาก็ให้ช่างเย็บจัดการแก้ไขให้เรียบร้อย 8. ชุดแต่งงานสวมใส่เสร็จแล้วให้ส่งซักแห้งทันที แม้จะมองว่าชุดไม่สกปรกเลอะเทอะ ในความเป็นจริงแล้วความสกปรกหรือรอยเปรอะเปื้อนอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพราะเป็นไปได้ว่าอาจมีสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น เหงื่อหรือน้ำมันที่อาจทำให้เกิดคราบในภายหลังได้ถ้าไม่ส่งซักในทันที 9. สอบถามทางร้านหรือดีไซเนอร์ว่าควรซักหรือเก็บชุดอย่างไร ตามปกติควรห่อด้วยกระดาษที่ปราศจากความเป็นกรดหรือฝ้าขาว จากนั้นให้ดึงชิ้นส่วนที่เป็นโลหะออกมาให้หมด แม้แต่ฟองน้ำหนุนไหล่เพราะมันอาจจะเป็นสนิมหรือยุ่ยได้ภายหลัง พับชุดให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเก็บในกล่องที่ปราศจากความเป็นกรดเพื่อไม่ให้สีซีด โดยเก็บผ้าคลุมหน้าไว้ต่างหาก เก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ความชื้นต่ำ ห่างจากแสงแดด ฝุ่น หรือแมลงที่อาจทำลายเนื้อผ้า 10. กรณีเป็นชุดแต่งงานที่เป็นของตัวเอง ในการส่งซักร้านซักแห้งควรเป็นร้านที่มั่นใจว่ามีประสบการณ์ในการซักชุดแต่งงาน เมื่อเวลาผ่านไปให้เปิดดูชุดแต่งงานบ้าง ว่าชุดที่เก็บไว้ยังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่หรือเปล่า ถ้าหากมีปัญหาควรรีบถามทางร้านซักแห้งหรือร้านตัดชุดแต่งงานว่าควรทำอย่างไร
เครดิต นิตยสารi do เจ้าของเว็บไซต์ แก้ไขเมื่อ 19/08/2013 - 01:50 |